วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ.2567

ท่องเที่ยววิถีบรมออนทัวร์ ความสุขที่คุณตามหาได้ที่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12

 27 ส.ค. 2563 16:52 น.    เข้าชม 4410

          หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เป็นหมู่บ้านชาวมุสลิมที่อยู่ชายแดน ไทย-มาเลเซีย จากอดีตนักต่อสู้เพื่อเอกราชมาลายาของกองทัพประชาชนมาลายา กรมที่ 10 สู่ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยเมื่อมีการลงนามในสัญญาสันติภาพ 3 ฝ่ายระหว่างรัฐบาลไทย มาเลเซีย และพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ในปี 2532 โดยรวมกันจัดตั้งเป็นหมู่บ้านชื่อ บ้านรัตนกิตติ 4 ต่อมาสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จตรวจเยี่ยมราษฎรเมื่อปี 2536 ทรงมีพระประสงค์ที่จะพัฒนา ฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร พร้อมทั้งพระราชทานชื่อใหม่ว่า หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 โดยจัดสรรที่ทำกินให้ครอบครัวละ 15 ไร่ นอกจากที่ทำกินแล้ว ยังได้แบ่งที่ดินเพื่อให้ชุมชนใช้ประโยชน์ร่วมกันอีก 3,500 ไร่ แต่ชาวบ้านใช้ไป 2,404 ไร่ เหลืออีก 1,096 ไร่ คืนให้เป็นพื้นที่ป่า และมีการตั้งคณะกรรมการป่าชุมชนเพื่อดูแลพื้นที่ป่ารอบภูเขาที่อยู่บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้

          จากอดีตที่เคยมีชีวิตอยู่กับป่า จึงมีการจัดความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับคน และคนกับธรรมชาติ ความสัมพันธ์เหล่านี้มีส่วนหล่อหลอมพฤติกรรม ทั้งความเคารพผืนป่า และธรรมชาติ ความมีระเบียบวินัยจากการฝึกทหาร แปรเป็นแนวทางการบริหารจัดการผืนป่ากว่าหมื่นไร่เพื่อฟื้นฟูป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรม วางระเบียบวินัยในชุมชนให้มีนิสัยรักความสะอาด จนไปถึงการมีสำนึกร่วมในการดูแลป่าต้นน้ำ และป่ารอบหมู่บ้านซึ่งเป็นที่มาของอาชีพ อาหาร ยา และต้นทุนชีวิต และมีกฎห้ามล่าทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ ซึ่งยังไม่ปรากฎว่ามีผู้ใดละเมิด

          ชาวบ้านทำการเกษตรแบบผสมผสาน ไม่ใช้สารเคมี ทั้งในสวนผลไม้ และสวนยางพาราที่ใช้วิธีปลูกยางแซมกับไม้ผล ปลูกผักปลอดสารพิษเพื่อบริโภค และเลี้ยงสัตว์โดยใช้พื้นที่ว่างรอบหมู่บ้าน ที่สำคัญคือ ชุมชนมีระบบการส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ โดยการถ่ายทอดอุดมการณ์การอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับบุตรหลาน และเปิดพื้นที่ให้กลุ่มเยาวชนได้ฝึกทักษะอาชีพ และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในท้องถิ่น จนชุมชนได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวถึง 2 ครั้ง ในปี 2554 และปี 2561

บรม ออนทัวร์ ต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมด้วยศาสตร์พระราชา

          เมื่อเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ขึ้น และมีผู้ที่ได้รับผลกระทบมีมากมาย ทางกระทรวงวัฒนธรรมก็ได้มีมาตรการออกมาร่วมบรรเทาผลกระทบ ด้วยโครงการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมด้วยศาสตร์พระราชา เพื่อชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจะคัดเลือกขึ้นมาจังหวัดละ 1 ชุมชน เพื่อเป็นต้นแบบนำร่องเป็นชุมชนที่ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด สร้างรายได้ให้ชุมชนจากการท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรม โดยเรียกชื่อโครงการสั้นๆ ว่า บวรออนทัวร์ หรือบรมออนทัวร์  บ หมายถึงบ้าน คือ ประชาชน ร หมายถึงโรงเรียนและหน่วยงานราชการที่เข้ามาทำงานกับชุมชน และ ว คือ วัด หรือ ม คือ มัสยิดที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน โดยเกณฑ์การคัดเลือก คือผ่านเกณฑ์โครงการชุมชนคุณธรรมมาก่อน เมื่อชุมชนมีความพร้อมตามกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชนคุณธรรม ย่อมเหมาะสมในการต่อยอดสู่การเป็นชุมชนต้นแบบ เปิดให้คนมาท่องเที่ยว และศึกษาดูงาน

          ซึ่งทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาสได้เลือกพื้นที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 อำเภอสุคิริน เป็นแหล่งท่องเที่ยวนำร่องของจังหวัดนราธิวาส เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน ตามโครงการ บรม ออนทัวร์ เพราะนอกจากชุมชนจะผ่านเกณฑ์ชุมชนคุณธรรมแล้ว ยังมีความโดดเด่นในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน เป็นนักอนุรักษ์ต้นน้ำสายบุรี  มีจุดแข็งทางด้านประวัติศาสตร์ชุมชนที่เป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และอาหารการกิน มีเมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

การท่องเที่ยวแบบ new normal

          วิสาหกิจชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 พร้อมต้อนรับทุกท่านให้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ด้วยความประทับใจ และเป็นไปตามวิถีชีวิตใหม่ (new normal) หมู่บ้านแห่งนี้มีการลงทะเบียนกับแพลตฟอร์ม ไทยชนะ และได้จัดให้มีจุดคัดกรอง วัดอุณหภูมิ มีแอลกอฮอล์ล้างมือทุกจุด ที่่พักจะลดจำนวนผู้เข้าพักต่อแห่งลง เพื่อให้มีระยะห่าง อาหารที่เคยจัดเป็นบุฟเฟต์รวมก็จะจัดเป็นชุด หลีกเลี่ยงการสัมผัสของคนหมู่มาก กิจกรรมล่องแก่ง เดินป่า เล่นน้ำ ก็ลดปริมาณนักท่องเที่ยวเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเองและคนในชุมชนเอง สิ่งไม่ควรพลาดเมื่อมาที่นี่อย่างแรกคือ การเรียนรู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของชุมชนผ่านพิพิธภัณฑ์ของหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 ที่มีความเป็นมาน่าสนใจ ในด้านสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ การชมทะเลหมอกที่สวนไม้ดอกสุคิริน สัมผัสสายหมอกที่งดงามท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าที่สดใส และกิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ คือการล่องแก่งที่จะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม และสายน้ำที่ใสสะอาด เป็นการท่องเที่ยวที่ไม่โลดโผนจนเกินไป สามารถเป็นทริปสำหรับครอบครัวได้

          นอกจากนี้กิจกรรมเดินป่าชมร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของฐานเก่ากรมที่ 10 กองทัพประชาชนมาลายา นำชมโดยอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของอนุสรณ์สถาน อุโมงค์เก่า เตาไร้ควันขนาดใหญ่ และทางเดินที่ขุดล้อมรอบฐานเพื่อใช้เป็นทางเดินเมื่อยามมีเหตุฉุกเฉิน เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษา รวมไปถึงเอกลักษณ์ของอาหารที่มีการประกอบอาหารจากกระบอกไม้ไผ่ ทั้งซุปคอมมิวนิสต์ และอาหารเมนูต่าง ๆ ตามแบบของกรมที่ 10 กองทัพประชาชนมาลายา อีกทั้งมีการแสดงประจำถิ่นอย่างดิเกร์ฮูลู ศิลปะพื้นบ้าน และการแสดงรำพัดของกลุ่มเยาวชน ที่สร้างสีสันให้แก่ผู้มาเยือนได้ใกล้ชิดกับชุมชนและทำกิจกรรมร่วมกัน รวมถึงกิจกรรมใหม่ที่หมู่บ้านแห่งนี้เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยว นั่นก็ คือ การรับประทานอาหารลอยน้ำ ท่ามกลางสายน้ำที่ใสสะอาดและเย็นสบาย ผู้สนใจสามารถติดต่อได้ทางเฟสบุ๊ค เพจ วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 และ เพจ AHHA สวนแคมป์ปิ้ง at Chulabhorn12

ความคิดเห็น