วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ.2567

แม่ทัพภาคที่ 4 ประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ (ไทย-มาเลเซีย)

 12 ธ.ค. 2562 13:33 น.    เข้าชม 1411

          วันนี้ 12 ธันวาคม 2562 เวลา 09.00 น. ที่ ห้องประชุม 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาบุคคลถือสองสัญชาติ (ไทย-มาเลเซีย) โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กงสุลใหญ่ ณ เมืองโกตาบารู ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมหารือโดยพร้อมเพรียง

          พลโท พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการเปิดประเด็นเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องบุคคลที่ถือครอง 2 สัญชาติ (ไทย-มาเลเซีย) โดยได้เชิญหน่วยงานต่างๆ มาบูรณาการร่วมกันแก้ไขปัญหา เป็นที่ทราบดีว่าบุคคลที่ถือครอง 2 สัญชาติ (ไทย-มาเลเซีย) ปัจจุบันมีจำนวนเยอะมาก ประกอบกับที่ผ่านมาปัญหาบุคคลถือครอง 2 สัญชาติ ไทย-มาเลเชีย เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ทั้งทางตรงและทางอ้อมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน รัฐบาลได้มีความพยายามในการแก้ไขปัญหา ทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติในพื้นที่ ด้วยการประสานความร่วมมือกับฝ่ายมาเลเชีย แต่ยังไม่บรรลุผลสำเร็จตามที่ต้องการได้ ทำให้ปัญหาบุคคลถือครอง 2 สัญชาติ ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลักๆที่ต้องดำเนินการตอนนี้ คือ การเร่งสำรวจฐานข้อมูลที่ชัดเจนเรื่องจำนวนของบุคคลที่ถือครอง 2 สัญชาติว่ามีจำนวนตัวเลขเท่าไร ซึ่งขณะนี้ตรวจคนเข้าเมืองเรามีระบบในการตรวจสอบที่ดีขึ้นคือ ระบบ ไบโอเมตริกซ์ ซึ่งมีประสิทธิภาพสามารถแยกแยะได้ชัดเจน การปล่อยให้บุคคลที่ถือครอง 2 สัญชาติ เดินทางข้ามไปมาระหว่าง 2 ประเทศโดยไม่มีมาตราดูแลจะเป็นผลเสียกับไทยมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาความมั่นคง ทั้งนี้ที่ผ่านมาได้มีการหารือร่วมกันกับทางมาเลเซียในการประชุม RBC ครั้งล่าสุด สำหรับประชาชนที่ถือครอง 2 สัญชาติ ก็ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นสำคัญ และคงต้องเลือกว่าจะถือสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง หากเป็นคนไทยก็ต้องเลือกสัญชาติไทย เพื่อจะได้ดูแลได้อย่างถูกต้อง เพราะกฎหมายแต่ละประเทศแตกต่างกัน และยังเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมดูแลตามแนวชายแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ความคิดเห็น